หน้าหลัก > เพื่อนสนิทผมคิดไม่ซื่อผมเลย ยม. มัน! (นิยาย) > ตอนที่ 109

ตอนที่ 109 - 【บทคั่น】การเริ่มต้นใหม่ของผู้กล้าแซ็ค 6 เจ้าหญิงไม่จำเป็นอีกแล้ว

เพื่อนสนิทผมคิดไม่ซื่อผมเลย ยม. มัน! (นิยาย)

ตอนที่ 109 【บทคั่น】การเริ่มต้นใหม่ของผู้กล้าแซ็ค 6 เจ้าหญิงไม่จำเป็นอีกแล้ว

มุมของแซ็ค

ฉันต้องการทาสสักคนมาทำงานบ้าน แต่ไหงสุดท้ายฉันก็ต้องมาทำงานบ้านซะเองล่ะ

เอาเถอะ...อย่างน้อยตอนนี้แค่ทำความสะอาดง่ายๆก็พอไหวแล้วอ่ะนะ

「อันนี้ฉันเอาใส่ถุงได้เลยใช่ไหม?」

「อ้า ไอนั่นเป็นขยะ」

ก็ไม่ใช่งานยากอะไร แค่เอาขยะไปใส่ในถุงขยะก่อนจะเอาไปทิ้งในช่วงเช้าของวันรับขยะ

นั่นคืองานที่ฉันมอบหมายให้ลูน่า

ส่วนที่เหลือทั้งหมดคืองานของฉัน....

ฉันค่อนข้างกังวลเรื่องที่จะให้เธอใช้มีด

คงแย่น่าดูหากเธอถูกมีดบาดเข้า

ดังนั้นฉันก็เลยเป็นคนทำอาหารให้แทน

ส่วนการซักผ้าฉันก็ไปจ้างร้านมืออาชีพให้เขาจัดการไป

ก็จริงว่าฉันสามารถทำเองได้ แต่ยังไงฉันก็มีหน้ามีตาในฐานะอดีตผู้กล้า มันค่อนข้างรู้สึกแปลกๆหากต้องไปยืมสวนหลังโรงแรมเพื่อซักเสื้อผ้าผู้หญิงโดยที่มีคนคุ้นหน้าคุ้นตาเดินผ่านไปมาเห็น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดชั้นใน ฉันไม่อยากจะมาใช้มือซักให้เลย

ถ้าเป็นเซเรสอาจจะทำได้อยู่หรอก แต่ฉันคงไม่ไหว

ฉันก็เลยลองไปถามกิลด์ดู พวกเขาก็บอกว่านักผจญภัยส่วนใหญ่ก็ใช้บริการซักรีดเหมือนกัน

พอได้ตามที่ยังแหล่งที่พวกเขาบอกก็พบว่ามันสะดวกมากจริงๆ

 ก็แค่ยัดๆเสื้อผ้าใส่ในถุง ก่อนจะส่งให้เขาซักและตากให้ ในราคาเพียงแค่ 3 เหรียญทองแทง (3000เยน)

เนื่องจากมีแค่ฉันกับลูน่า การใช้บริการดังกล่าวก็แค่ประมาณเดือนละ 2-3 ครั้ง

 ดังนั้นเรื่องซักผ้าเลยตัดออกไปได้

ที่เหลือก็แค่ให้ลูน่าเรียนรู้เกี่ยวกับการกวาดและเช็ด

 ที่พักจะได้น่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมหน่อย

「อันนี้ก็จะทิ้งเหรอ ยังกินได้อยู่เลยนะ」

「ไอ้เปลือกส้มนั่นก็ขยะนะทิ้งไปเถอะน่า」

「แต่มันยังกินได้..…」

「เดี๋ยวฉันซื้ออันใหม่ให้ก็ได้น่า ทิ้งไปซะ」

「เข้าใจแล้ว…」

ลูน่าเหมือนจะไม่ค่อยอยากทิ้งของเหลือหรือเศษอาหารอะไรเลยแม้แต่น้อย อาจจะเพราะสภาพในอดีตของเธอมันหนักหนาจริงๆ

เธอยังคงไม่ละสายตาไปจากของในถุงขยะ

ก้ไม่มีทางเลือกอีกนอกจากต้องค่อยๆแก้ไขกันไป

ไม่รู้ทำไมฉันถึงมีความคิดว่าชีวิตบ้าๆบอๆแบบนี้มันดูมีสีสันมากกว่าตอนที่เป็นผู้กล้ากันนะ?

◆◆◆

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

ทำไมถึงเป็นตอนนี้กันนะ ฉันลุกขึ้นไปเปิดประตูแล้วก็พบว่ามีอัศวินยืนรออยู่

「ท่านแซ็ค จักรพรรดิแซมมาร์คที่ 4 ได้เชิญท่านให้มาเข้าเฝ้ายังพระราชวังครับ」

งานเข้าแล้วสิ การที่เขาส่งอัศวินมาแบบนี้...คงจะมีเรื่องใหญ่รออยู่แน่ๆ

「ฉันไม่ใช่ผู้กล้าแล้วนะ! เป็นเพียงแค่นักผจญภัยธรรมดาแซ็ค ก็ไม่น่าจะไปมีธุระอะไรกับอาณาจักรเสียหน่อย...ตอนนี้ก็ยุ่งกับการทำข้าวไข่เจียวด้วย...ดังนั้น ขอตัว!」

วันนี้ฉันกำลังทำข้าวห่อไข่เมนูโปรดของลูน่าอยู่

ถึงมันจะไม่ได้ฟูนุ่มสวยเหมือนที่เซเรสทำก็เถอะ

แต่ทางลูน่าก็ชอบแล้วกินมันอย่างเอร็ดอร่อย

แค่นี้ก็คุ้มที่จะทำแล้ว

「ข้าวห่อไข่ ข้าวห่อไข่ ข้าวห่อไข่~」

ลูน่าเองก็ตั้งหน้าตั้งตารอด้วยสิ

ยังไงก็ต้องสำคัญก็ธุระที่อีกฝ่ายเอามาอยู่แล้ว

「เดี๋ยวก่อนครับ! ได้โปรดอย่าพูดอะไรเช่นนั้นเลย!」

อย่าเอาเท้ามาขวางระหว่างประตูไว้สิเห้ย

เพราะหมอนี่ใส่รองเท้าเหล็กมา ดังนั้นถึงจะโดนปิดอัดก็คงจะไม่เจ็บ แต่จะไม่น่าเกลียดเกินไปหน่อยเหรอ คนเขาไล่แล้วแท้ๆ

「อย่าให้ต้องพูดซ้ำสิ! ฉันก็ไม่ใช่ผู้กล้าแล้วนะเห้ย! เป็นแค่นักผจญภัยธรรมดา ทำไมจะต้องไปด้วยล่ะ แถมที่นี่ก็เป็นจักรวรรดิไม่เห็นจะต้องทำตามที่พวกนายบอกเลยสักนิด」

ตอนนี้ฉันไม่ใช่ผู้กล้าแล้ว ดังนั้นขอเซโน

「ขอร้องล่ะครับ! ถึงผมจะบอกรายละเอียดของเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายสำหรับท่านแซ็คแน่นอน ได้โปรดตามมาด้วยกันเถอะครับ」

ที่อาณาจักรน่ะเหรอ....

ครั้งล่าสุดฉันก็ไปก่อเรื่องกับจักรวรรดิเพราะลูน่าด้วย

ส่วนคราวนี้ก็เป็นทางอาณาจักร ชักแอบกังวลนิดหน่อยแล้วสิ

ช่วยไม่ได้สินะ ไม่งั้นคงโดนตามตื้อไม่เลิกแน่

แต่ฉันควรจะพาลูน่าไปด้วย หรือปล่อยไว้นี่ดีนะ?

「ให้ตายสินะ ช่วยไม่ได้! แต่ฉันจะเอาพวกพ้องฉันไปด้วยนะ! นี่ลูน่าไปกันเถอะ!」

จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาจากข้างในห้อง

「แช็คจะออกไปข้างนอกเหรอ?」

「อื้อ เธอก็มาด้วยกันสิ!」

「ท่านแซ็ค นี่ท่านจะพาสาวครึ่งปีศาจไปด้วยเหรอ!」

「ไม่ใช่ครึ่งปีศาจเว้ย! ไอ้เวรนี่ เขาเรียกผิวเผือกต่างหาก! เธอคนนี้คือพวกพ้องของฉัน....ถ้ามีปัญหานักฉันก็จะได้ไม่ต้องไป」

「เข้าใจแล้วครับ」

「เข้าใจก็ดี แล้วถ้าฉันได้ยินอะไรทำนองครึ่งปีศาจอีกที ถึงจะเป็นระหว่างทางฉันก็จะกลับให้ดู...」

「รับทราบแล้วครับ...」

「ลูน่า...ข้าวห่อไข่คงต้องคราวหน้านะ」

「ไม่จริง…」

สำหรับลูน่าแล้ว อาหารอร่อยคือหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ตัวของเธอแสดงความต้องการออกมาจริงๆ

ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาแล้ว

「เห้อ...เอาเป็นว่ารอฉันสักหนึ่งชั่วโมงได้ไหม...นัดมาก็ได้ว่าจะให้ไปเจอตรงไหน」

「เช่นนั้น ผมจะรอท่านที่หน้าประตูเมืองนะครับ」

「ตามนั้นละกัน...ลูน่า ไปนั่งรอซะ เดี๋ยวฉันจะรีบทำข้าวห่อไข่ให้กิน」

「เข้าใจแล้ว…」

ฉันรีบทำข้าวห่อไข่แล้วก็นำมาป้อนให้ลูน่า

「อร่อย…」

「รู้แล้วน่า แต่เวลาเรามีไม่เยอะด้วย...ดังนั้นรีบกินเถอะ」

「อื้อ…」

ลูน่าพูดขณะที่ทานมันอย่างเอร็ดอร่อย

และเพราะเธอเพลิดเพลินกับการกินมากเกินไป....สุดท้ายพวกฉันก็เลยไปสายนิดหน่อย

◆◆◆

「เรือมังกรฟ้าเหรอ...น่าทึ่งชะมัด」

พอไปถึงที่นัดพบ ก็เห็นว่ามีเรือมังกรจอดรออยู่

เรือมังกรฟ้าก็คือเรือที่เอามาห้อยกับมังกรฟ้าแล้วให้มันบินไปส่งปลายทางเป็นของที่หายากจนไม่ใช่ทุกประเทศจะมีได้

แต่...อาณาจักรมีกับเขาด้วยเหรอ? จำไม่เห็นจะได้เลยเอาเถอะ...

หากเป็นทางศาสนจักรก็จำได้ว่านอกจากโป๊ปกับอาร์คบิชอป ก็มีเพียงคนดูแลเรือกับผู้คุ้มกันเท่านั้นถึงจะขึ้นไปได้

เรียกง่ายๆก็คือของสำหรับ VIP

「แซ็ค...เราจะขี่ของที่ติดกับมังกรนี่เหรอ...ยอดไปเลย...」

「ใช่ไหมล่ะลูน่า เดี๋ยวเราจะบินขึ้นฟ้าด้วยสิ่งนี้แหละ」

พวกอัศวินก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมาเพราะฉันเตือนไปก่อนหน้านี้แล้ว

ขอย้ำเอาไว้เลยว่า

หากบ่นหรือแสดงความไม่พอใจสักนิด ฉันกลับจริงแน่

「บินขึ้นฟ้า? สุดยอด....」

「คุยกันแค่นี้ก่อนเนอะ ครั้งนี้น่าจะมีเรื่องสำคัญด้วย รีบขึ้นไปกันเถอะ」

ฉันขึ้นไปบนเรือมังกรฟ้าแล้วดึงลูน่าขึ้นมาด้วย

「แซ็ค สุดยอดไปเลย ใหญ่สุดๆ...」

「นี่ อย่าวิ่งไปมาสิ」

「อื้อ」

ถึงเธอจะพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้หยุดวิ่งเลยสักนิด

สำหรับคนที่ไม่เคยบินบนท้องฟ้ามาก่อน ฉันก็พอเข้าใจความรู้สึกแหละ

「ลูน่า...เดี๋ยวเราจะขึ้นบินกันแล้ว รีบมานั่งเก้าอี้ซะ มันอันตราย」

「อื้อ…」จากนั้นมังกรฟ้าขนาดใหญ่ก็กระพือปีกแล้วทะยานขึ้นบนฟ้า

อย่างที่คิด สมกับเป็นเรือมังกรฟ้า พอบินขึ้นมาแล้วไม่รู้สึกโคลงเคลงเลยสักนิด นอกจากนี้ก็ปลอดภัยสุดๆเพราะพวกมอนสเตอร์ต่างก็กลัวมังกรกัน

「ลูน่า จะดูรอบๆก็ได้นะ แต่อย่าเอาตัวออกไปข้างนอกเด็ดขาดเลย!」

「เข้าใจแล้ว」

หลังพูดจบ ลูน่าก็เกาะบริเวณหน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอก

ฉันก็ไม่รู้อายุจริงๆของเธอหรอกนะ แต่จากที่ดูเธอก็ไม่น่าจะห่างจากฉันมาก เว้นเสียแต่จิตใจของเธอนี่แหละที่ยังเป็นเด็กน้อยอยู่

ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างตั้งแต่รู้จักกับลูน่า

นี่สินะความรู้สึกของเซเรสที่มีต่อพวกฉัน ความปรารถนาในการปกป้อง

พอฉันได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูน่าฉันก็เริ่มเข้าใจสิ่งนี้มากขึ้น

แต่จากมุมของเซเรส คงจะต่างจากลูน่าที่ฉันกับพวกมาเรียไม่ค่อยจะทำตัวน่ารักกับหมอนั่นสักเท่าไหร่....

◆◆◆

อย่างที่คิดสมกับเป็นเรือมังกรฟ้า ใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน ก็เดินทางจากจักรวรรดิมาถึงอาณาจักร

ถ้าต้องเดินเท้ามาคงไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานขนาดไหน

พอพวกฉันมาถึงปราสาท ก็ไม่เห็นว่าใครจะแสดงท่าทีหยาบคายต่อลูน่า

บางทีพวกอัศวินอาจจะติดต่อมาด้วยคริสทัลสื่อสารก่อนแล้ว

「พอได้มามองใกล้ๆ ใหญ่จัง..」

ของมันแน่อยู่แล้ว ก็เป็นปราสาทนี่

ลูน่ารู้สึกประทับใจตั้งแต่ที่เธอมองเห็นจากไกลๆแล้ว

ถึงสีหน้าของเธอจะไม่ได้เปลี่ยนไปนัก แต่ฉันก็พอจะดูออกจากการได้ใช้เวลาร่วมกับเธอ

「ส่วนปราสาท...ก็เป็นของที่พวกกษัตริย์ เจ้าหญิง หรือพวกคนใหญ่คนโตเขาอาศัยอยู่กันน่ะ」

「เข้าใจแล้ว」

จากนั้นฉันก็ตามอัศวินที่นำทางให้ไป

「ได้โปรดรอสักครู่ จนกว่าทางฝ่าบาทจะเตรียมการเสร็จนะครับ」

หลังจากพาพวกฉันมาส่งที่ห้องพักสุดสวย เขาก็ออกไป

เป็นห้องที่ดูดีจริงๆ

「แซ็ค ไอ้นี่นุ่มนิ่มจัง」

อื้ม ก็ขอในปราสาทนี่

「ถ้าเธอชอบก็ดีแล้ว」

การที่ถูกทำตัวด้วยดีขนาดนี้...เห็นได้ชัดเลยว่าฉันต้องถูกขอร้องเรื่องยากๆแน่

ไม่นานนักสาวใช้ก็นำชาและขนมมาให้

「นี่เป็นชาสำหรับพวกท่านค่ะ」

สีดวงตาของลูน่าเปลี่ยนไปเมือเห็นสาวใช่นำชาและขนมมาให้

「อันนี้ฉันกินได้ไหม?」

「ฉันก็ไม่ค่อยชอบขนมเท่าไหร่ด้วยสิ ดังนั้นลูน่าเอาไปหมดเลยแล้วกัน」

「ขอบคุณนะแซ็ค...รักที่สุดเลย」

จริงๆฉันก็เป็นคนทานขนมอยู่นะ...แต่ก็เอาเถอะ ยกให้เธอไปก็ดีแล้ว

เดี๋ยวนะ เซเรสก็เคยทำแบบนี้นี่หว่า?

้เขาก็เคยทำแบบนี้กับฉันเมื่อตอนเรายังเด็กๆ....เหมือนเห็นตัวเองเมื่อก่อนเลย

แต่พอได้เห็นลูน่าทานอย่างอร่อย ฉันก็ดีใจที่ยอมยกให้เธอ

นั่นคือความรู้สึกจริงๆของฉัน

ระหว่างที่กำลังจิบชา ฉันก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

「ฝ่าบาทพร้อมแล้วครับ」

「ลูน่า เดี๋ยวฉันกลับมานะ รออยู่ในห้องนี้ก่อนล่ะ」

「เข้าใจแล้ว...รีบกลับมานะ...」

「อื้อ เดี๋ยวก็กลับแล้ว」

ลูน่ามองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย

◆◆◆

จากนั้นฉันก็ถูกพาไปยังโถงเข้าเฝ้า ตรงนี้ก็มีทั้งกษัตริย์แซมมาร์คที่ 4 เจ้าหญิงลำดับ 2 มาริน นายกรัฐมนตรีโดเบลและโอตะ

「ไม่ได้พบกันนานเลยนะท่านแซ็ค」

「ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ กษัตริย์แซมมาร์ค แล้วก็เจ้าหญิงมาริน…」

ถึงฉันจะเป็นผู้กล้า แล้วเคยถูกพามาในที่แบบนี้บ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยทำใจให้ชินได้สักที

「เอาล่ะ ที่เรียกท่านมาวันนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอก แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมารินลูกสาวของข้าเอง」

เจ้าหญิงมารินงั้นเหรอ?

ก็จริงว่า เมื่อก่อนเขาบอกว่าถ้าฉันเอาชนะจอมมารได้จะยอดให้หมั้นหมายกับเธอ

อย่าว่าแต่จอมมารเลย แค่แมมม่อนฉันก็จอดแล้ว ดังนั้นก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกันแล้วนี่นา

「แล้วเจ้าหญิงมารินมันทำไมเหรอครับ?」

「ก็แน่อยู่แล้ว เรื่องหมั้นหมายไงล่ะ」

หมั้นหมาย? 

แต่สัญญาที่คุยกันไว้ตอนแรกมันหลังฉันเอาชนะจอมมารได้ไม่ใช่เหรอ

ดังนั้นหากจอมมารยังหายใจสบายดีฉันก็ไม่น่าจะมีคุณสมบัติเพียงพอสิ

「แล้วทางเจ้าหญิงมารินจะหมั้นกับใครเหรอครับ? ทำไมผมถึงต้องถูกเรียกมาด้วยกันล่ะ?」

「ข้าก็เคยคุยเรื่องการหมั้นหมายระหว่างท่านกับมารินก่อนหน้านี้แล้ว จำไม่ได้หรือ?」

ไอ้จำมันก็จำได้อยู่หรอก แต่มันมีเงื่อนไขอย่างการเอาชนะจอมมารได้นี่

ตราบใดที่ฉันจัดการเขาไม่ได้ ก็ไม่ควรสิ

นอกจากนี้ฉันก็ไม่ใช่ผู้กล้าแล้วด้วย...ฉันมันแค่แซ็คคนหนึ่ง

「เรื่องนั้นผมก็จำได้อยู่หรอก...แต่เงื่อนไขของพวกเราคือการเอาชนะจอมมารได้ไม่ใช่เหรอครับ กับผมที่แมมม่อนยังเอาชนะไม่ได้ คงไม่มีสิทธิ์หรอก นอกจากนี้ผมก็ลาออกจากการเป็นผู้กล้าแล้วด้วย」

「นั่นมันก็จริงอยู่ แต่ก็ใช่ว่าการหมั้นหมายระหว่างท่านกับมารินจะสิ้นสุดเสียหน่อย....ตอนนี้ข้าก็ยอมรับในตัวท่านแล้วด้วย ดังนั้นท่านไม่คิดจะกลับมาทำหน้าที่อีกครั้งในฐานะคู่หมั้นและผู้กล้าหรือ?」

ฉันหันไปมองว่าเจ้าหญิงมาริน...สายตาของเธอที่มองมามันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนราวกับสาวน้อยในห้วงรัก

เธอก็สวยและน่ารักจริงๆนั่นแหละ

แต่...เป็นไปไม่ได้หรอก

「ผมไม่มีสิทธ์หรอกครับ ผมมันก็แค่ชายที่เอาแต่พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง จนทำร้ายพวกพ้องตัวเอง และยังพ่ายแพ้ให้กับแมมม่อน จนสุดท้ายก็ได้รับความช่วยเหลือจากวีรบุรุษเซเรส คนที่ผมผลักไสชะตากรรมของโลกไว้ที่เขา....ดังนั้นการที่จะเอาเจ้าหญิงมารินมาเป็นภรรยา อันที่จริงอย่างน้อยผมควรจะเป็นขุนนางก่อน แต่ผมคงไม่มีความสามารถพอ ทั้งการศึกษา การปกครองดินแดน นอกจากนี้ผมก็ตัดสินใจจะใช้ชีวิตในฐานะนักผจญภัยต่อไปด้วย...เมื่อแก่ตัวลงก็ตั้งใจจะกลับไปบ้านเกิดแล้วทำไร่ไถนา สำหรับผู้ที่สูงส่งอย่างเจ้าหญิงมารินดีเกินไปที่จะมาเป็นภรรยาของชาวนาครับ」

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...ฉันไม่ได้ต้องการพลังหรืออำนาจอะไรอีก

「ดูเหมือนความฝันของท่านแซ็คจะเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้นะ....」

「ก็จริงว่าผมเคยมีความวามทะเยอทะยานอยากแต่งงานกับเจ้าหญิงและเป็นขุนนางครองดินแดน แต่นั่นมันก็แค่ความคิดตื้นๆ...หลังจากพ่ายแพ้และถูกเพื่อนสนิทช่วยเหลือเอาสิ่ง สิ่งเหล่านั้นมันก็หายไปหมดแล้วแล้วครับ」

「ท่านเปลี่ยนไปมากจริงๆ」

「ท่านแซ็ค แล้วท่านไม่คิดถึงความรู้สึกของฉันเลยเหรอคะ?」

「เจ้าหญิงมาริน ทั้งหมดมันก็แค่ภาพลวงตาครับ ท่านกับผมเคยดื่มชาและออกไปเดินเล่นด้วยกันแค่สองสามครั้งเท่านั้นเอง ผมมั่นใจว่าตัวตนที่ท่านตกหลุมรักไม่ใช่ผม แต่เป็นตัวตนของผู้กล้าต่างหาก...กับตัวผมที่พ่ายแพ้ไปแล้ว ทางที่ดีท่านควรจะลืมคนแบบผมไปจะดีกว่าครับ คนที่กล้าผลักไสเอาสิ่งเลวร้ายไปให้กับเพื่อนสนิทแบบผมน่ะ ไม่คู่ควรหรอก」

「แต่ตอนนี้ฉันก็ยัง…」

「เป็นไปไม่ได้หรอกครับ! ถ้าท่านตั้งใจจริง ท่านจะยอมทิ้งตำแหน่งของท่านแล้วมาเป็นนักผจญภัยกับผมได้เหรอ? เมื่อแก่ตัวไปแล้วท่านจะพร้อมมาทำไร่ไถนากับผมหรือเปล่า?」

「ฉันคงจะทำแบบนั้นไม่ได้เพราะในฐานะเจ้าหญิงแล้ว...」

「เจ้าหญิงมารินไม่เหมาะสมกับผมหรอกครับ....ผมมั่นใจว่าอนาคตท่านต้องได้เจอผู้ชายที่ดีแน่ๆ」

「ท่านแซ็ค…」

「กษัตริย์แซมมาร์ค ท่านไม่จำเป็นต้องมอบสิ่งที่ผมไม่ต้องการให้ขนาดนี้หรอก...ดังนั้นหากไม่มีอะไรแล้วผมจะขอตัวกลับก่อนนะครับ」

「อื้อ..เอาเถอะ...ข้าเองก็ขอโทษด้วย」

「ทางผมเองก็ต้องอภัยด้วย..แต่ว่า ขอให้ทางท่านช่วยอำนวยความสะดวกด้วยได้หรือไม่?」

「ย่อมได้...เชิญท่านกลับไปเถิด」

พอมาคิดให้ดีๆ หากปฏิเสธการหมั้นแล้วขอกลับไป หากไม่ถามเขาตั้งแต่ตรงนี้เลย มีหวังอาจจะต้องได้นั่งรถม้ากลับแทน

ดีจริงๆที่นึกขึ้นได้

「ถ้าเช่นนั้น ผมขอตัว」

ฉันหันหลังให้กับกษัตริย์และเดินออกจากโถงเข้าเฝ้าไป