ตอนที่ 75 ปะทะแมมมอน - ถ้าปูมันสุกไปก็กินไม่ไหวนะ
「เจ้าถึงขนาดกล้ากินเนื้อของข้าเลยเหรอ...หึหึ ยอดเยี่ยมมาก ที่สามารถมาได้จนถึงขนาดนี้....ข้าขอยอมรับว่าเจ้านั้นแข็งแกร่ง....แม้ว่าข้าจะลืมชื่อของจอมมารไปแล้ว แต่ข้าจะไม่มีวันลืมชื่อของเจ้าอย่างแน่นอน」
แล้วทำไม ถึงต้องมาบอกฉันด้วยล่ะ
「งั้นเหรอ…」
「หากข้าใช้สิ่งนี้แล้ว คงจะสูญเสียพลังไปเป็นอย่างมาก แม้แต่ตำแหน่งราชาแห่งสวรรค์ก็คงไม่สามารถเป็นไป....ถึงจะเป็นแบบนั้น ข้าก็จะงัดทุกอย่างที่มีมาสู้กับเจ้า」
จากนั้นแมมมอนก็ทำการหักเขาทั้งสองข้างของมันแล้วเอามากิน
แบบนี้ท่าจะแย่แล้วสิ
ฉันถูกเหวี่ยงจนกระเด็นออกมา
ร่างของฉันได้ชนเข้ากับกำแพงบ้านทะลุไปกว่า 20 หลังก่อนที่จะหยุดลง
「อึก โดนสวนคืนจนได้」
เมื่อฉันมองไปที่ร่างของมันก็พบว่า ตัวของแมมมอนได้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ร่างกายของมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้นถึง 3 เท่า
「เขาปีศาจคือสัญลักษณ์แห่งขุมพลัง! โดยเฉพาะหากเป็นเขาของข้าที่มีมานาสะสมอยู่เป็นจำนวนมากด้วยแล้วละก็.....ด้วยวิธีการนี้ข้าจะสามารถใช้พลังที่ตัวเองมีได้มากขึ้นหลายเท่าด้วยกัน แม้ผมที่ตามมามันจะทำให้ข้าอ่อนแอไปอีกประมาณ2-3ทศวรรษได้ เอาล่ะมาลุยกันต่อเถอะ」
แมมมอนพุ่งเข้ามาโจมตีฉัน
「อึก...งั้นก็เข้ามาเลยสิวะ...」
ฉันทำการสวนกลับไปด้วยกรงเล็บ
「อีากกกก ไอ้กรงเล็บนั่นมันอะไรกัน」
แมมมอนถูกฉันโจมตีสวนกลับไปโดยไม่ทันคิด ทำไมถึงมีกรงเล็บงอกออกมาจากมือของฉันได้กัน
แน่นอนว่าเล็บพวกนั้นมันหักและเข้าไปฝังร่างของแมมมอนเอาไว้...แต่ของใหม่ก็งอกขึ้นมาแทนเรียบร้อยแล้ว
「ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน」
แต่อย่างน้อยที่ฉันพอจะเดาๆได้ว่าสาเหตุที่ร่างกายฉันเป็นแบบนี้
มันต้องมาจากอิทธิพลของมังกรดำแน่ๆ
「โอ้วววว―――」
「ย๊ากกกกก―――」
กรงเล็บของฉันได้เข้าปะทะกับกำปั้นของแมมมอน
แม้มันจะหักไปทุกครั้งที่ปะทะ แต่มันก็งอกออกมาใหม่ได้เสมอ
จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถปิดเกมได้
การต่อสู้ของพวกเราได้ทำลายเมืองไปหลายส่วน
เห็นได้ชัดว่าพลังของฉันกับแมมมอนมันกินกันไม่ค่อยลง...พวกชาวเมืองก็ได้แต่วิ่งหนีจากการต่อสู้
「ข้าไม่สนพวกเจ้าหรอกว้อย หลบไปเกะกะ」
ทางด้านฉันก็ทำการรวบรวมพลังไว้ที่ปากเหมือนกับที่เจ้ามังกรดำเคยทำ
「แมมมอน ลองเอานี่ไปกินหน่อยละกัน――」
เปลวเพลิงได้ออกมาจากปากของฉันเข้าไปโจมตีร่างของแมมมอน
「หึ หากเป็นข้าก่อนหน้านี้ร่างคงเกรียมไปแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ได้ผลหรอก!」
ร่างของแมมมอนไม่ได้รับผลจากเปลวเพลิง
แม้แต่ไฟที่ละลายได้กระทั่งหินก็ยังทำอะไรมันไม่ได้
แต่นั่นมันก็ทำให้สัญชาตญาณบางอย่างในร่างของฉันถูกปลุกไปด้วย
「อย่าได้ใจเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ล่ะเจ้าปีศาจนี่――ปีกมังกร」
จากนั้นก็ได้มีปีกโผล่ขึ้นมาข้างหลังของฉัน...ถึงมันจะค่อนข้างเล็กไปหน่อยก็เถอะ
ด้วยปีกแค่นี้ก็จริงว่าคงไม่สามารถบินไปไหนมาไหนได้
แต่ทว่าโลกใบนี้กฏฟิสิกส์ใช่ว่าจะใช้ได้เสียที่ไหน
ฉันได้บินไปข้างหลังของแมมมอนแล้วทะลวงเล็บเกาะเข้าไปที่ร่างของมัน
「อึกกกกก คิดจะทำอะไรของเจ้ากัน」
ฉันได้สังเกตไปรอบๆเมืองแล้วก็พบว่ากว่าครึ่งมันเละไปหมดแล้ว
ผู้คนจำนวนมากมองมาทางฉันด้วยสายตาที่ตื่นตระหนก โดยบางส่วนก็เสียชีวิตไปแล้วจากลูกหลง
「ขอเปลี่ยนที่สักหน่อยแล้วกัน」
จากนั้นฉันก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยลากร่างของแมมมอนไปด้วย
ปลายทางคือเขามังกรไฟ
「อ๊ากกกก นี่เจ้าคิดจะพาข้าไปที่ไหนกัน」
「มาด้วยกันเถอะน่า...เดี๋ยวจะพาไปที่ที่เหมาะกับการสู้กันระหว่างฉันกับแกเอง」
ไม่นานนักก็เห็นเทือกเขามังกรไฟ
「หึ จะบอกว่าเจ้าต้องการสะสางเรื่องนี้ให้จบโดยที่ไม่มีใครมารบกวนงั้นสินะ? ก็ย่อมได้!」
ไอ้ใช่มันก็ใช่อยู่หรอก ในหลายๆความหมาย
「…」
ปลายทางที่พวกเราลงจอดกันก็คือบนยอดเขา
「คงจะถึงปลายทางที่เจ้าต้องการแล้วสินะ」
「อื้อจะว่างั้นก็ได้นะ」
ตอนนี้ฉันค่อนข้างมั่นใจแล้วด้วยว่าร่างกายนี้จะทนความร้อนได้ดีกว่าพวกมังกรไฟ
ก็เลยการพุ่งลงไปภายในลาวาพร้อมกับแมมมอนเสียเลย
「อ๊ากกกก ไอ้นี่น่ะเหรอที่เจ้าเล็งเอาไว้」
ไม่ปล่อยให้หลุดไปง่ายๆหรอกเว้ย
ด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า 1000 องศาของลาวานี่แหละ
นี่จะเป็นการสัมผัสกับความร้อนของเปลวเพลิงภายในนี้อย่างต่อเนื่อง
หากตาหรือจมูกโดนมันเข้าไปจะเป็นยังไงล่ะ?
หากอ้างอิงจากอนิเมะที่ผมดูในชาติก่อน ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครก็ไม่สามารถเอาชนะสิ่งนี้ได้แน่ๆ
ขนาดอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติยังต้องหาอะไรมาป้องกันเลยนะ
「เอาละ แมมมอนมาจบเรื่องนี้กันเถอะย๊ากกกก――っ」
「แกนะแก..อ๊ากก」
ตอนนี้มันคือการต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์
ส่วนเผ่าพันธุ์ที่ว่าก็ไม่ใช่มนุษย์กับปีศาจ แต่เป็นมังกรกับปีศาจต่างหาก
ไม่ว่าแมมมอนจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่อวัยวะภายในของมันคงไม่สามารถทนความร้อนได้หรอก
กลับกันร่างของฉันมีลักษณะเดียวกับมังกร...จึงมั่นใจว่ามันสามารถต้านทานลาวาได้
หึ เป็นไปตามคาด การเคลื่อนไหวของมันเริ่มช้าลง
เดี๋ยวนะ?
「นี่แมมมอน――เห้ย ไอ้เจ้านี่――」
『ปูย่างนี่ท่าทางอร่อยแฮะ』
ไม่รู้เพราะอะไรคำนี้มันถึงผุดเข้ามาในหัวฉัน
ฉันก็เลยเข้าไปยกร่างของแมมมอนขึ้นมาดู
บาดแผลภายนอกไม่มีให้เห็น จะมีก็แค่ดวงตาและเส้นผมที่มอดไหม้
จากนั้นจึงลองเอาเล็บเข้าไปทิ่มที่ลูกตาดู แต่เหมือมันจะไม่ขยับอะไรเลย
ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็คงจะขยับไปมาสักหน่อย
ลาวาคงจะไหลเข้าไปในตา ปาก จมูก ทวารหนักของมันจนเผาไหม้และหลอมละลายข้างในจดหมดแล้วแน่ๆ
ไม่ต่างอะไรกับปูถูกย่างที่เหลือเปลือกเอาไว้เลย
ก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม
แต่ถ้ามองจากภายนอกเฉยๆมันเหมือนกับแมมมอนยังมีชีวิตอยู่เลย
แต่พอลองเอาพวกลาวาออกไปจากร่างของมัน แล้วลองดูภายในปากก็พบว่าข้างในไม่เหลืออะไรเลย
ดวงตาก็ไม่ส่องแววประกายอะไรออกมาแล้วด้วยสิ
จากนั้นฉันเอาพยายามยัดร่างมันใส่ไปในกระเป๋าเก็บของ
มันตายไปแล้วจริงๆสินะ
สุดท้ายผมก็เลือกที่จะไม่กินแมมมอน
เอาเป็นว่า เรื่องราวมันก็จบลงได้เสียที
พอจัดการทุกอย่างเสร็จ ฉันก็บินกลับไปที่เมือง