หน้าหลัก > เพื่อนสนิทผมคิดไม่ซื่อผมเลย ยม. มัน! (นิยาย) > ตอนที่ 21.5

ตอนที่ 21.5 - IF ของคนที่รัก [อุทิศแด่ผู้ที่ไม่ชอบฮาเร็ม]

เพื่อนสนิทผมคิดไม่ซื่อผมเลย ยม. มัน! (นิยาย)

21.5 IF ของคนที่รัก [อุทิศแด่ผู้ที่ไม่ชอบฮาเร็ม]


นี่เป็นเรื่องสั้น IF(ถ้าเกิด) เกี่ยวกับเซเราที่แต่งงานกับแค่ชิซุโกะในตอนที่ 9 เพราะงั้นพวกคุณสามารถกลับไปอ่านตอนที่ 8 ใหม่ได้หากต้องการ


 "อรุณสวัสดิ์ครับ"


 "อรุณสวัสดิ์จ๊ะ~"


 "อรุนสวัสดิ์ครับ"


 "อรุณสวัสดิ์จ๊ะ~"


 แต่ตอนนี้ก็เลยช่วงเช้ามาแล้ว


 ใกล้จะถึงเวลานอนอีกรอบแล้วด้วยซ้ำ


 บางทีร่างกายของเราอาจเข้ากันได้ แต่เราอยู่ตัวติดกันมาเกือบ 24 ชั่วโมงแล้ว


 ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยพอเห็นชิซุโกะจ้องมาที่ฉันบนเตียงรกๆ และในที่สุดฉันก็รู้สึกโล่งใจว่าสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่เป็นเรื่องจริง


 เธอก็น่าจะเหนื่อยเหมือนกัน


 "ชิซุโกะซังครับ คุณนอนพักต่อก็ได้นะเดี๋ยวผมจะไปทำอาหารให้นะครับ”


“ไม่ใช่ว่าเราควรทำความสะอาดเตียงก่อนแล้วไปอาบน้ำต่อเหรอจ๊ะ พวกเราเหงื่อออกแล้วก็... ตัวตัวเหนียวด้วย”


 ฉันเหงื่อออกจริง ๆ แต่ก็รู้สึกสบายอย่างประหลาดชะมัด


 “อืม แต่ผมได้กลิ่นของชิสุโกะซังนะครับ เพราะงั้นผมขออยู่แบบนี้อีกสักพักนะครับ”



 "โถ้วว! อย่าพูดเรื่องน่าอายแบบนี้จ๊ะ เราไปอาบน้ำกันเถอะ!"


 แล้วชิสุโกะก็จูงมือฉันเข้าไปในห้องน้ำ


 "ผมเหงานะ"


 ฉันถอนหายใจออกมา


 “ถ้าเธอชอบกลิ่นของฉันมาก ฉันจะให้เธอดมใหม่เอง ไม่เห็นต้องเหงาเลย”


 ความเขินอายของชิซุโกะนั้นน่ารักมากจนฉันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง และเราก็จบลงด้วยการ s*x ในขณะที่อาบน้ำ


 "อายุยังน้อยนี้ยอดมากเลย...และยังทำได้ถี่ขนาดนี้..อ๊ะ…อ่า…ไม่ใช่สิ…ที่ฉันหมายถึง…ทำไมเซเรสคุง…อ่า…อ๊า…ทำไมเธอถึงเก่งขนาดนี้ละ?”


ฉันรู้สึกเหมือนอารมณ์ในจิตใจของฉันถูกลากไปตามร่างกายที่ยังเด็กของฉัน


 ยังไงก็ตาม ฉันคิดว่าฉันสามารถทำตัวให้สงบกว่านี้ได้อีกหน่อย แต่ร่างกายของฉันก็ยังตอบสนองต่อชิซุโกะ


  พอมาคิดอย่างใจเย็น ฉันยังซิงอยู่เมื่อไม่นานมานี้ด้วยร่างกายของเด็กหนุ่มช่วงวัยรุ่นที่อยู่ในช่วง ‘ช่วงเวลาสำคัญของเซ็ก’


 และผู้หญิงตรงหน้าฉันคือ 'รักแรกและผู้หญิงในสเป็คของฉัน' จึงไม่แปลกใจเลยที่ฉันจะสงบสติอารมณ์ได้ยากขนาดนี้


 ฉันเคยเป็นผู้ชายที่มีความต้องการทางเพศมากขนาดนี้มาก่อนรึเปล่านะ?


  ในชาติที่แล้วของฉันไม่เคยมีช่วงแบบนี้เลย


 บางทีเราอาจจะเข้ากันได้ดี... ฉันคิดอย่างงั้นอะนะ


 นอกจากนี้ ชิซุโกะยังยอมรับทุกอย่างเกี่ยวกับฉัน ซึ่งนั่นทำให้ฉันผ่อนคลายได้ยากขึ้นอีก


 สุดท้ายกว่าเราจะก็ออกจากห้องน้ำก็ปาไปชั่วโมงกว่า


 "ผมขอโทษครับ ที่ปล่อยตัวทำตามใจไปแบบนั่น"


 “ฉันดีใจที่เธอต้องการฉันในฐานะผู้หญิงนะจ๊ะ แต่ฉันก็เริ่มเหนื่อยแล้ว เพราะงั้นพักกันก่อนเถอะนะ”


 "โอเคครับ"


จากนั้นชิซุโกะก็เริ่มทำความสะอาดห้องน้ำและเตียงนอน


 ระหว่างนั้นฉันก็เริ่มทำอาหารแบบที่จะทำตอนแรก


ฉันน่าจะทำข้าวไข่เจียวและซุปจากวัตถุดิบที่มีอยู่ได้...


 ทำง่ายกินเร็วว่างั้นเถอะ งั้นมาลงมือทำกันดีกว่า


 ฉันผัดข้าวกับแฮมและหัวหอมพร้อมกับซอสมะเขือเทศโฮมเมด


 ใช้ตะเกียบทุบไข่แล้วก็ห่อข้าวด้วยไข่เหมือนตอนห่มผ่าห่ม... จากนั้นก็เขียนคำว่า "ชิซุโกะ" แล้วก็วาดหัวใจรอบๆคำนั่น... แล้วก็ โวล์ล่า!


(ภาษาฝรั่งเศษแบบ พูดตอนทำอาหารเสร็จแล้ว อะแบบ อเลคูซีน ในเชฟกระทะเหล็ก ประมาณนั่น)


 ข้าวไข่เจียวสุดเลิฟ พร้อมเสริฟแล้ว!


 "ชิซุโกะซัง อาหารพร้อมแล้วครับ!"


 “เธอยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะจ๊ะ อ่า เธอทำข้าวไข่เจียวงั้นเหรอเนี่ยทำให้นึกถึงเรื่องเก่าๆเลยแต่ว่านะเซเรสคุง เธอทำอาหารได้น่าทานมากเลย ฉันทำแบบนี้ไม่ได้เลย และยิ่งไปกว่านั้น เครื่องหมายหัวใจนั่น! อุฟุฟุฟุ ฉันมีความสุขจังเลย”


 ฉันไม่สามารถโกงความรู้ได้ แต่ไม่มีซอสมะเขือเทศและมายองเนสขายเลยเว้นแต่ฉันจะไปเมืองใหญ่


 และพวกมันก็ทำได้ไม่ยากท แต่พวกมันก็ถูกในฐานะเครื่องปรุงรสชั้นสูงพวกซอสและโชยุก็ด้วย


 บางทีมันอาจจะแพงเพราะใส่เครื่องปรุงแปลกๆไปด้วยอะนะ



 แม้ว่าฉันจะไม่รู้วิธีทำโชยุหรือซอส แต่ฉันสามารถทำซอสมะเขือเทศและมายองเนสได้


 "มากินกันก่อนที่มันจะเย็นดีกว่าครับ...ทานละนะครับ!"


 “ทานละนะคะ!”


ฉันจ้องมองไปที่ชิสุโกะซังซึ่งกำลังกินอย่างมีความสุขโดยเอามือมาอังที่แก้มของเธอ


 แม่บ้านมักพูดว่าการทำอาหาร "ไม่คุ้ม" หรือ "ไม่คุ้มที่จะทำ" แต่ตอนที่ฉันมาถึงโลกนี้ฉันก็เริ่มเข้าใจมันมากขึ้นแล้วละ


 การทำอาหารให้ชิซุโกะซังนั้นแตกต่างมากกับการทำอาหารให้แซ็คและมาเรียที่ไม่แม้แต่จะชมหรือลิ้มรสพวกมันแบบดีๆ


 ถ้าเป็นคุณชิซุโกะที่กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ฉันก็อยากจะทำอีก แต่กับคนพวกนั้น ฉันมีความรู้สึกว่า 'ก็แค่ต้องแก้หิว' เท่านั้นเอง


 มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


 และฉันไม่ต้องการที่จะเขียนเครื่องหมายหัวใจให้กับพวกนั้นด้วย


 “นี้ เธอจ้องฉันอีกแล้วนะ ไม่กินหน่อยเหรอจ๊ะ”


 “ปล่าวครับพอดีผมแค่กำลังชื่นชมในความงามของคุณเพลินไปหน่อยนะครับ”


 "อุฟุฟุฟุ งั้นเหรอจ๊ะ อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ! แล้วเธอจะทำอะไรต่องั้นเหรอ? ถ้ามีอะไรที่เธออยากทำ ฉันจะช่วยสนับสนุนเธอทุกเรื่องเลยจ๊ะ"


 ฉันอยากจะทำอะไรต่องั้นเหรอ


 อาจจะไม่มีอีกแล้ว


 ฉันเป็นนักผจญภัยแรงค์ S และถึงแม้ว่าฉันจะไม่เก่งเท่าแซ็คแต่ฉันก็เป็นถึง 1 ใน 30 สุดยอดนักผจญภัยของโลก


 สำหรับฉันการได้มีชิซุโกะซังมาเป็นภรรยาและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็พอแล้ว


  “ตอนนี้ผมมีความสุขมากแล้วแต่ก็มีอีกอย่างที่ผมอยากจะทำอยู่ครับ”

  

  “มันคืออะไรเหรอจ๊ะ? มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บ้างไหม?”

 

  “อืมมันเป็นบางสิ่งที่มีแค่ชิซุโกะซังเท่านั้นที่จะช่วยได้นะครับ!”


  “มันคืออะไรเหรอจ๊ะ”


  “ความลับครับ แต่ว่า… คุณช่วยไปข้างนอกกับผมได้ไหมครับ?”


  “เราจะไปไหนกันอย่างงั้นเหรอจ๊ะ”


  “นั้นก็ความลับเหมือนกันครับ”


 หลังจากนั้นฉันก็เดินไปทั่วเมืองโดยจับมือของชิซุโกะขณะที่เราเดินช้าๆ


 และไม่ไกลจากที่นี่ฉันก็เจอร้านเสื้อผ้าชั้นสูง


 หมายเหตุ ในโลกนี้ เสื้อผ้าที่แพงที่สุดจะถูกสั่งทำแทนและน้อยจะมีคนรวยมาก เขาหรือเธอจะไม่ซื้อมัน


 ดังนั้นการสั่งซื้อและการรอจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ร้านนี้มีสิ่งที่เรียกว่า 'สินค้าแขวน' เหมือนในชีวิตที่แล้วอยู่เหมือนกัน


 “ชิซุโกะซังเข้าไปข้างในกันไหมครับ?”


 "เฮ้ เซเรสคุง... ที่นี่... มันมากเกินไปสำหรับฉันนะจ๊ะ"


 “ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร… แต่ที่ห้อยตรงนั้นคุณใส่ได้ใช่ไหมครับ?”


 "ใช่ แต่ว่านั่นมันไม่ใช่ปัญหา…มันแพงมากเลยนะจ๊ะ..."


 "ผมเป็นนักผจญภัยแรงค์ S เลยนะครับ แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก... นอกจากนี้ ถ้าเป็นเรื่องของชิซุโกะซังแล้วละก็ ผมจะซื้อเสื้อผ้าให้คุณทุกชุดเลยครับ..."


 "เดี๋ยวก่อน เซเรสคุงเสื้อผ้าพวกนี้ไม่เหมาะกับฉันหรอกนะจ๊ะ..."


 “อย่าดื้อเลยหน่าครับ~ ผมแค่อยากเห็นชิซุโกะซังคนสวยคุณไม่มีทางเลือกนอกจากสวมมันหรอกนะครับ”


ชิซุโกถซังยังคงน่ารักเหมือนเดิมในตอนฉันเลือกเสื้อผ้าให้เธอ


 "ชุดนี้... ฉันสงสัยจังว่ามันเหมาะกับฉันไหม..."


 "เหมาะฟุดๆครับ... มันดูดีมากพอคุณใส่... ขอโทษนะ ฉันขอซื้อชุดนี้ แล้วฉันขอใช้ห้องล็อกเกอร์ให้เธอเปลี่ยนได้ไหม?"


 "ได้แน่นอนค่ะ แขกผู้มีเกียรติขอบคุณสำที่มาอุดหนุนนะคะ"


 "เซเรสคุง ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมจ๊ะ?"


 "ไม่... คุณจะทำทุกอย่างที่ผมต้องการหนิ ใช่ไหมละครับ?"


 ชิซุโกะซังถอนหายใจเล็กน้อย และ... เธอก็แต่งตัว


 "มันน่าอายนิดหน่อยนะ"


 “ไม่ คชไม่เลยครับ... คุณดูสวยมากเลยครับ”


 "เดี๋ยวก่อนสิ เซเรสคุง..."


 ฉันดึงมือชิสุโกะแล้วก็ไปที่ร้านขายเครื่องประดับ


 "ยินดีต้อนรับค่ะท่านเซเรส!"


 “เธอรู้จักฉันได้ยังไง?”


 “คุณเป็นสมาชิกของปาร์ตี้ผู้กล้ายังไงละค่ะ”


 “อืม นั่นทำให้อะไรๆง่ายขึ้นเยอะเลย ฉันเจอคนที่ถูกใจแล้วและอยากได้แหวนที่เข้าชุด(แหวนคู่)นะ...”


 “อืม... คุณสองคนต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆ ขอวัดนิ้วหน่อยนะคะ”


 "ซ...เซเรสคุง นี่มันอะไรกันจ๊ะ?"


 "ผมน่ะรักชิซุโกะซังมากเลยนะครับผมอยากจะสวมแหวนที่เข้าชุดกันกับคุณครับ"


 “จริงเหรอ เปล่าหรอก แต่แพงไม่ใช่เหรอ”


 "ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ"


 “ถ้าเป็นอันนี้ล่ะค่ะท่านเซเรส?”


 "ใช่ อันนี้นั้นแหละ ทั้งสวย ทั้งเรียบง่าย... ราคาเท่าไหร่สำหรับพวกเขาสองคนงั้นเหรอ?"


 "ห้าเหรียญทองสำหรับแหวนสองวงค่ะ"


 “โอเค ฉันซื้อ… แล้วรีบปรับขนาดได้ไหม เพราะฉันอยากใส่ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายนะ”


 "รับทราบค่ะ"


 ช่างฝีมือวัดที่นิ้วของฉันและนิ้วของชิซุโกะทันทีและไปทำงาน


 "เฮ้ เซเรสคุง... เธอซื้อเสื้อผ้ากับแหวนให้ฉันทำไมละจ๊ะ?"


 "นั่นเป็นความลับครับ"


 “นั่นสินะ… ก็ฉันสัญญาว่าจะไปเที่ยวกับเธอทุกที่แล้วนี่นะ”


 หลังจากนั้นไม่นาน การปรับขนาดแหวนก็เสร็จสิ้น


 "ขอบใจนะ... ชิซุโกะซังยื่นมือซ้ายมาหน่อยครับ"


 "ได้เลยจ๊ะ"


 "ผมรักคุณนะครับ..."


 ฉันสวมแหวนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของชิซุโกะซัง


 "ดีใจจังแต่ก็อายจัง"


 "ก็... ตอนนี้ก็ตาของชิซุโกะซังแล้วนะครับ ใส่แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมให้หน่อยสิครับ"


 "แบบนี่ใช่มั้ยจ๊ะ?"


 “ใช่ครับแล้วก็บอกรักผมด้วย”


 “อายจัง...แต่ฉันควรพูดไหม?”


 "ใช่ครับ"


 "ฮึก... ฉันเข้าใจแล้ว... ฉันรักเธอนะจ๊ะ"


 "ขอบคุณครับ"


 ฉันจ่ายเงินหนึ่งเหรียญทองบวกหกเหรียญทองเพื่อขอบคุณช่างฝีมือที่แสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นความลำบากใจ


 ที่เหลือก็...


 "เซเรสคุง ทำไมเราถึงมาอยู่ในกิลด์นักผจญภัยกันล่ะ"


 นี่คือจุดสุดท้าย


 “ขอโทษนะครับ ผมอยากจะแต่งงานในกิลด์นะ ช่วยกรอกแบบฟอร์มให้หน่อยนะครับ”


 "เซเรสคุง... เธอ... เธอจะแต่งงานกับฉันแน่นะ?"


 "แน่นอนครับ...เพราะนี่คือสิ่งที่ผมอยากทำครับ..."


 "เซเรสคุง... นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ... เหมือนฝันเลย... ขอบคุณนะจ๊ะ"


 "นี่คือแบบฟอร์มค่ะ"


 “โอเค… งั้นผมจะเซ็นเลยนะครับชิซุโกะซัง”


 "โอเคจ๊ะ"


 หลังจากที่ฉันเซ็นชื่อแล้ว ชิซุโกะก็เซ็นแบบฟอร์มด้วยน้ำตาที่เต็มไปด้วยความสุข


 "งั้น... ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับ ชิซุโกะซังผม มีความสุขมากเลยล่ะครับ"


 "ฉันก็มีความสุขเหมือนกันจ๊ะเซเรสคุง"


 "ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองคนด้วยนะคะ พวกคุณสามารถเก็บสร้อยคอไว้เป็นที่ระลึกได้หากต้องการค่ะ"


 “ไม่ละครับ ขอบคุณเราไม่ต้องการสิ่งนั้น”


 "งั้นเหรอ...? ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่เลี้ยงทุกคนด้วยเครื่องดื่มหรืออะไรซักอย่างละคะ? ฉันแน่ใจว่าทุกคนจะแสดงความยินดีกับคุณแน่นอนค่ะ"


 ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ละน่า


 "ตกลง... ฉันจะจ่ายให้ 20 เหรียญทองเป็นค่าให้ทุกคนกินและดื่มสักสองสามวันละกันนะ"


 “ยี่สิบเหรียญทองงั้นเหรอคะ?”


 “ใช่ ยี่สิบเหรียญทอง”


 """"""""""ขอแสดงความยินดีกับการแต่งงานของพวกเธอด้วย—""""""""""


 """"""""""ขอให้มีความสุขมากๆน่า—"""""""""


 ทุกคนแสดงความยินดีกับเราเสียงดังสนั่น


 "เซเรสคุง... ฉัน... ฉัน... ฉันมีความสุขจัง"


 ในโลกนี้ เว้นแต่ใครจะเป็นชนชั้นสูงพวกเขาจะไม่สวมชุดกระโปรง(แบบเดรส)


 พวกเขาไม่จะไม่แลกแหวนกันด้วย... แต่ฉันอยากทำทั้งสองนี้



 และคืนนั้นก็แนบแน่นกว่าที่เคย...เป็นคืนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลย


 มันเป็นคืนวันแต่งงานของเรา


 * * *


 สุดท้ายเราไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้าน


 เราซื้อบ้านหลังเล็กๆ ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน... ทั้งอิสระและง่าย


 ไม่มีอะไรจะทำให้เรามีความสุขมากไปกว่านี้ได้แล้วละ


  ทั้งมีความสุขและปลอดภัยนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันทำได้เพราะฉันมีสิ่งที่จะต้องปกป้อง


 "ในที่สุดฉันก็เจอนายเซเรส"


 “แซ็คมีอะไรงั้นเหรอ?”


 "ได้โปรด เราต้องการนายในการเดินทางครั้งนี้"


 “เราขอโทษสำหรับสิ่งที่เราทำได้โปรดกลับมาหาพวกเราด้วยเถอะ” มาเรียกล่าว


 “ฉันขอโทษด้วยได้โปรด” ลิด้ากล่าว


 “ครั้งนั้น... ฉันคิดผิดเอง... ถ้านายไม่ว่าอะไร เรามาเริ่มกันใหม่เถอะนะ” เมลพูด


 พวกเขาดูโทรมมากเลย


 แต่ก็ยัง...


“ฉันขอโทษแต่ว่าฉันทำไม่ได้หรอกนะ"


 "โอ้ ถ้านายไม่ต้องการเมล... นายอยากได้มาเรียหรือลิด้ามากกว่ากันล่ะ? ฉันจะให้นายอย่างใดอย่างหนึ่ง... ได้โปรดเถอะนะ..."


 "มาเรีย, ลิด้า... เฮ้ แซ็คนายแน่ใจนะ?"


 “ฉันไม่สนหรอกนะถ้าเซเรสจะกลับมาได้”


 “ฉันก็ไม่สนเหมือนกัน” มาเรียและลิดาพูด


 "เธอบ้าไปแล้วเหรอ? เธอไม่ได้ชอบแซ็ครึไง? เธอต้องยึดติดกับมันก็ได้นะ"


 "โอเค... เซเรส ถ้านายไม่ต้องการหนึ่งฉันจะให้นายสอง... ได้โปรดเถอะนะ"


 "ลูกก็รู้-"


 จู่ๆ ชิซุโกะก็โผล่มาจากด้านหลัง


 “แซ็คนี้ลูกกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย”


 “ม-แม่ มาทำอะไรที่นี่เนี่ยครับ”


 "เป็นเพราะ... ฉันแต่งงานกับเซเรสแล้วยังไงละ... แล้วลูกช่วยหยุดยัดเยียดผู้หญิงใส่สามีฉันจะได้ไหม"


 “แม่ครับ ได้โปรดเราต้องการเซเรส”


 "แซ็ค… ฉันจะไม่ไปหรอกนะไม่ว่านายจะพูดอะไร"


 "ได้โปรด... โอ้ ถ้านายแต่งงานกับแม่ของฉัน นายก็จะเป็นพ่อของฉันใช่ไหมละ? งั้นได้โปรด..." แซ็คกล่าว


 "เซเรส ได้โปรด" เมลพูด


 "ได้โปรด" มาเรียพูด


 "ฉันขอร้องล่ะ" ลิด้ากล่าว


 "ไม่ว่าพวกนายจะบอกยังไงฉันก็ทำไม่ได้... ชิซุโกะเองก็มีลูกของฉันอยู่ในท้อง พี่น้องของนายนะ... เลิกดื้อเถอะ"


 "แซ็ค…ลูกจะไม่ทำลายความสุขของแม่ใช่ไหม...?"


 "ไม่มีทางน่า แม่ของฉันมีลูกกับเซเรส... แม่ของฉันจะต้องมีลูกของเซเรส... นี่มันอะไรกัน... ความสัมพันธ์นี้..."


 "ใช่ มันน่าอายที่จะบอกว่าแม่ของลูก ภรรยาและผู้หญิงของเซเรสคุง ทำอะไรไปมากกว่าที่ลูกจะคิดอีก... ลูกรู้ไหมอะไรไปม เซเรสคุงน่ะ... เขาชอบสัมผัสแม่มากเลยล่ะ ไม่มีส่วนไหนในร่างกายของแม่ที่เขา ไม่ได้แตะด้วยปากของเขา”


 ด้วยคำพูดเหล่านี้ชิซุโกะก็ได้โน้มตัวเข้ามาหาฉัน


 มาเรียและอีกสามคนหน้าแดง


 ในทางกลับกันแซ็คดูซีดเผือก


 เขามองมาที่ฉันและคนอื่นๆ ด้วยน้ำตาคลอเบ้า... และทันใดนั้น เขาก็เริ่มร้องไห้


 "...ได้โปรดหยุดทีเถอะผมจะไม่กลับมากวนแล้ว..."


 พูดจบก็วิ่งหนีไปร้องไห้


 เด็กสาวทั้งสามก็รีบตามเขาไปเช่นกัน


 และหลังจากวันนั้น ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแซ็ค… และฉันไม่คิดว่าฉันจะได้เจอเขาอีก


 จบบริบูรณ์